Yi Sun shin อีซุนชิน แม่ทัพไร้พ่ายแห่งกองทัพเรือเกาหลีในสมัยราชวงศ์โชซอน ผู้ที่ชาวเกาหลียกให้เป็นวีรบุรุษของประเทศที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการรบ

🇰🇷 หากใครเคยไปเที่ยวจัตุรัสควางฮวามุนบริเวณเซจงโนในกรุงโซล นอกเหนือจากอนุสาวรีย์ของกษัตริย์เซจงแล้ว น่าจะเคยเห็นอนุสาวรีย์ของนายทหารท่านหนึ่งที่ยืนอยู่โดดเด่นไม่แพ้กันอยู่บริเวณนั้นอย่างแน่นอน ชื่อของนายทหารท่านนั้นคือ แม่ทัพอีซุนชิน ซึ่งเป็นแม่ทัพเรือผู้ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยราชวงศ์โชซอน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับแม่ทัพอีซุนชินกันว่ามีความสำคัญกับประเทศขนาดไหน มีความยิ่งใหญ่เพียงใด ถึงขนาดมีอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ใจกลางเซจงโนเทียบเท่ากษัตริย์เซจงเลยทีเดียว

Yi Sun shin อีซุนชิน
Yi Sun shin อีซุนชิน

ประวัติของแม่ทัพอีซุนชิน

이순신 (Yi-Sun-Shin) อีซุนชินเกิดที่กรุงฮันยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ.1545 โดยในวัยเด็ก อีซุนชินได้เล่นเกมสงครามกับเพื่อนๆ และได้แสดงถึงความเป็นอัจฉริยะในด้านความเป็นผู้นำด้านการทหาร รวมถึงการประดิษฐ์ธนูและลูกศรเองตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

📌 ต่อมาในปี ค.ศ.1576 อีซุนชินได้เข้าสอบคัดเลือกนายทหารประจำปี เขาได้แสดงความสามารถในเชิงดาบและธนูให้เป็นที่ประจักษ์ต่อคณะกรรมการ ทำให้เขาสอบผ่านการคัดเลือก และถูกส่งไปเข้าร่วมการรบกับกองทัพทหารในจังหวัดฮัมยอง (ปัจจุบันเป็นจังหวัดของเกาหลีเหนือ) โดยเขาได้เข้าร่วมรบกับกองทัพหนู่เจิน (ต่อมาคือกองทัพแมนจู) ที่ได้เข้ามาปล้นสะดมตามบริเวณแนวชายแดน ซึ่งอีซุนชินนั้นได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากความเป็นผู้นำด้านการรบรวมถึงการใช้กลยุทธ์ที่ชาญฉลาด

📌 ค.ศ.1583 เขาวางแผนการรบอย่างแยบยลจนสามารถจับตัวหัวหน้ากลุ่มหนู่เจินได้ แต่หลังจากนั้นเขาต้องพักราชการไป 3 ปี เพื่อไว้ทุกข์ให้บิดาของเขา ก่อนจะกลับมารับราชการใหม่อีกครั้งหนึ่ง

📌 ด้วยเหตุที่อีซุนชินนั้นมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม กลับกลายเป็นแรงอิจฉาริษยาให้กับทหารคนอื่นๆ ทำให้นายพลลีอี นำการพักราชการของอีซุนชินไปใส่ร้ายป้ายสีว่าเขานั้นหนีทัพในระหว่างการรบ ทำให้อีซุนชินถูกจำจองและทรมาน รวมถึงถูกลดขั้นลงเหลือเพียงพลทหารเท่านั้น

📌 หลังจากถูกปล่อยตัว อีซุนชินใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็ได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ในช่วงปี ค.ศ.1590 เขาได้เลื่อนตำแหน่งถึง 4 ครั้ง โดยสุดท้ายได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายแห่งจังหวัดชอนลา ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง เป็นช่วงที่รัฐบาลโชซอนเกรงว่าญี่ปุ่น ภายใต้การนำของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จะเข้าบุกเกาหลีหรือไม่ จึงทำให้มีการโยกย้ายนายทหารผู้มีประสบการณ์ไปยังจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ เป็นเหตุให้อีซุนชิน ถูกส่งไปประจำการที่ยอซูในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.1590 ซึ่งอีซุนชินรับหน้าที่ในการจัดสรรกองกำลังด้านการทหารเรือ เพื่อเตรียมสู้รบกันกองทัพญี่ปุ่น หากกองทัพญี่ปุ่นบุกรุกเกาหลีจริงๆ

📌หลังจากนั้นสองปี วันที่ 13 เมษายน ค.ศ.1592 เรือรบประมาณ 700 ลำบรรทุกทหารซามูไรของกองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลเข้าตีเกาหลี โดยหวังจะกวาดล้างพื้นที่บริเวณคาบสมุทรเกาหลี เพื่อใช้เป็นฐานทัพในการเดินหน้าเข้ายึดประเทศจีนต่อไป ซึ่งอีซุนซินก็ได้นำทัพตอบโต้การรุกรานของญี่ปุ่นบริเวณยอซู โดยตลอดระยะเวลาในสงครามของการนำทัพโดยอีซุนชิน เข้าร่วมในการรบกว่า 33 ครั้ง และได้รับชัยชนะทุกครั้ง

เรือรบคอบุกซอน

📌ในช่วงนี้อีซุนชินได้ทำการรื้อฟื้นและพัฒนาเรือเต่า หรือ คอบุกซอน (거북선) โดยเป็นการนำแบบแปลนเก่า ที่มีการคิดค้นขึ้นมาในช่วงต้นของราชวงศ์โชซอนมาปรับปรุงใหม่ โดยแบบแปลนดังกล่าวนั้นเชื่อว่าเขียนขึ้นในสมัยของกษัตริย์แทจง กษัตริย์ลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์โชซอน

คอบุกซอน (거북선)
คอบุกซอน (거북선)

📌โดยเรือเต่าคอบุกซอนเป็นเรือที่มีรูปร่างคล้ายเต่า หัวเรือแกะสลักเป็นรูปมังกร บริเวณด้านข้างเรือบรรจุปืนใหญ่ข้างละ 11 กระบอก หัวเรืออีก 4 กระบอก บริเวณหลังคาเรือจะปกคลุมด้วยแผ่นโลหะแปดเหลี่ยมและมีหนามแหลม เพื่อใช้ป้องกันข้าศึกที่จะพยายามบุกยึดเรือ โดยเรือเต่านี้ถือว่าเป็นส่วนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกองทัพของอีซุนชิน

📌 เรือเต่าคอบุกซอนถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ.1592 ในยุทธนาวีแห่งซาชอน โดยใช้เป็นเรือธงสำหรับการทะลวงข้าศึก ซึ่งสามารถใช้ได้ดีในพื้นที่แคบๆ

📌 หลังจากที่กองทัพเกาหลีภายใต้การนำของอีซุนชินได้รับชัยชนะในสงครามหลายครั้ง ทำให้ฮิเดโยชิของญี่ปุ่นเกิดความเกรงกลัวในตัวของอีซุนชิน และได้วางแผนที่จะกำจัดทิ้งเสีย โดยใช้แผนการส่งสายลับญี่ปุ่นนามว่า โยชิระ ส่งเข้าไปทางนายพลเกาหลีที่ชื่อ คิม อุงซู เพื่อคอยป้อนข้อมูลเท็จให้ทางฝั่งเกาหลีครั้งหนึ่ง สายลับได้หลอกแม่ทัพคิมว่า แม่ทัพญี่ปุ่นนามว่า คาโต้ คิโยมาสะจะยกทัพมา ณ สถานที่และเวลาที่แน่นอน โดยยุยงว่าให้ส่งแม่ทัพอีซุนชินไปรบ แม่ทัพคิมจึงได้ส่งสารแจ้งไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อทูลเกล้าต่อกษัตริย์ซอนโจ เมื่อกษัตริย์ซอนโจทราบจึงได้มีพระบรมราชโองการให้อีซุนชินไปออกรบ แต่ทางอีซุนชินปฏิเสธพระบรมราชโองการดังกล่าว ด้วยความที่อีซุนชินรู้ว่าเป็นกลอุบายลวงจากสายลับ รวมถึงตำแหน่งในการรบครั้งนี้เต็มไปด้วยหินโสโครก อีกทั้งคลื่นลมไม่เหมาะสมแก่การรบ จึงได้ปฏิเสธไป

📌 ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าขุนนางที่อิจฉาริษยาอีซุนชินอยู่เป็นทุนเดิม จึงได้กราบทูลกษัตริย์ซอนโจเรื่องที่อีซุนชินปฏิเสธพระบรมราชโองการ และยุยงให้ลงโทษอีซุนชิน ทำให้อีซุนชินถูกปลดจากตำแหน่งแม่ทัพ ถูกจับใส่โซ่ตรวน ส่งไปยังกรุงโซลเพื่อทรมานและจองจำ

📌 หลังจากที่อีซุนชินหมดอำนาจ ญี่ปุ่นจึงเปิดฉากโจมตีเกาหลีอีกครั้ง ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.1597 ฮิเดโยชิได้ส่งกองเรือรบ 1,000 ลำ บรรทุกกำลังพล 100,000 นาย ไปเสริมกำลังทหารที่ประจำการอยู่ที่ปูซานอีกกว่า 50,000 นาย โดยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อทำลายเกาหลีเท่านั้น แตกต่างจากในช่วงสงครามครั้งแรกในปี ค.ศ.1592 ที่มีเป้าหมายเพื่อเป็นฐานทัพในการบุกประเทศจีน

📌 กองทัพเรือเกาหลี ภายใต้การนำทัพของแม่ทัพวอน กยูน ผู้ที่เข้ามารับผิดชอบแทนอีซุนชิน ตัดสินใจเคลื่อนกองเรือทั้งหมดของราชนาวีโชซอน ที่สร้างโดยอีซุนชิน จำนวน 150 ลำ พร้อมทหารกว่า 30,000 นาย ออกไปปะทะกับกองทหารญี่ปุ่น โดยไม่มีแผนการใดๆแม้แต่นิดเดียว

📌ผลลัพธ์ในสงครามครั้งนี้ทำให้เรือรบเกาหลีจาก 150 ลำ เหลือเพียง 13 ลำเท่านั้น โดยแม่ทัพวอน กยูล ก็เสียชีวิตจากการรบครั้งนี้ด้วย โดยการรบในครั้งนี้มีชื่อว่า ยุทธนาวีที่ช่องแคบชิลชอน (칠천량 해전) เป็นการรบทางทะเลครั้งเดียวที่กองทัพญี่ปุ่นได้รับชัยชนะจากกองทัพเกาหลี

📌หลังจากนั้น กษัตริย์ซอนโจทราบข่าวความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ จึงได้มีพระบรมราชโองการปล่อยอีซุนชินและคืนยศให้เป็นผู้บัญชาการทหารเรือให้ในทันที แต่ด้วยความที่เหลือเรือรบเพียง 13 ลำ กับกำลังทหารที่รอดชีวิตเพียง 200 นาย ทำให้กษัตริย์ซอนโจคิดว่าจะยุบกองทัพเรือและไปขึ้นตรงกับกองทัพบกแทน แต่อีซุนชินทูลตอบกษัตริย์ซอนโจว่า “ข้าพเจ้ายังเหลือเรือรบอยู่ 13 ลำ และตราบใดที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ศัตรูจะไม่มีวันได้ทะเลตะวันตกอย่างแน่นอน”

ยุทธนาวีช่องแคบมยองรยาง

📌26 ตุลาคม ค.ศ.1597 “ยุทธนาวีช่องแคบมยองรยาง” (명량 해전) ก็ได้เริ่มต้นขึ้น แม่ทัพอีซุนชินได้ล่อลวงกองทัพเรือญี่ปุ่น ประกอบด้วยเรือรบ 133 ลำ และเรือลำเลียง 200 ลำ ให้เข้ามาที่ช่องแคบมยองรยาง จากนั้นระดมยิงปืนใหญ่และธนูไฟใส่เรือข้าศึก การรบในครั้งนั้นอีซุนชินสามารถจมเรือรบญี่ปุ่นได้ 31 ลำ ทำให้เรือญี่ปุ่นใช้การไมไ่ด้อีก 92 ลำ จับทหารญี่ปุ่นมาเป็นเชลย 8,000 ถึง 18,466 นาย โดยทางเกาหลีไม่เสียเรือเลยแม้แต่ลำเดียว มีเพียงทหารตาย 2 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นผลจากการศึกษาทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลมอย่างละเอียดจนสามารถได้รับชัยชนะในการรบด้วยกำลังรบที่น้อยกว่า

Yi Sun shin

📌 การนำทัพของแม่ทัพอีซุนชินในสงครามครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ.1598 ใน “ยุทธนาวีที่ช่องแคบโนรยาง” (노량 해전) โดยกองทัพเรือขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นได้มารวมพลที่บริเวณอ่าวซาชอน ทางตะวันออกของช่องแคบโนรยาง เพื่อต่อสู้กับกองทัพผสมของจีนและเกาหลี โดยการรบเริ่มขึ้นช่วงเวลาตีสองของวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.1598 ซึ่งการรบยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม คือเมื่อแม่ทัพอีซุนชินบัญชาการกองทัพเรือเกาหลีเมื่อใด กองทัพญี่ปุ่นนั้นไม่สามารถที่จะสู้ด้วยได้เลย

📌 แต่ระหว่างการสู้รบที่กองทัพญี่ปุ่นกำลังถอยร่นออกไปนั้น กระสุนปืนคาบศิลาหนึ่งนัดที่ยิงมาจากฝั่งญี่ปุ่น ถูกเข้าที่บริเวณลำตัวด้านขวาของอีซุนชินอย่างจัง กระสุนเข้าที่จุดตาย และอีซุนชินก็ได้เสียชีวิตลงในไม่กี่อึดใจ โดยก่อนสิ้นใจนั้นเอง อีซุนชินได้กล่าวกับลีโฮ ลูกชายและลีวาน หลานชาย ผู้ที่อยู่ดูใจเป็นครั้งสุดท้ายว่า “나의 죽음을 알리지마라” (จงอย่าให้ใครรับรู้ถึงการตายของข้า)

📌 ลีโฮและลีวานได้นำร่างไร้วิญญาณของอีซุนชินหลบเข้าไปในตัวเรือ ลีวานได้สวมชุดเกราะของอีซุนชินและขึ้นไปตีกลองศึก รักษาขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร เพื่อให้เชื่อว่าแม่ทัพของพวกเขายังมีชีวิตอยู่

📌 ร่างของอีซุนชินนั้นถูกนำไปยังบ้านเกิดที่อาซาน และฝังไว้ข้างๆกับบิดาของเขาตามประเพณีนิยม รวมถึงมีการสร้างศาลเจ้าเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

📌 ทุกวันนี้ แม่ทัพอีซุนชินได้รับการยกย่องจากชาวเกาหลีในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เป็นชายผู้กล้าหาญ อดทน แข็งแกร่ง มีความเสียสละ และมีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่รักและเคารพในตัวทหารและครอบครัวเป็นอย่างมาก มีความโอบอ้อมอารีย์ มีจิตใจเป็นเมตตาต่อประชาชน รวมถึงได้รับความสนับสนุนจากชาวบ้านในการป้องกันประเทศชาติ

📌 เรื่องราวของแม่ทัพอีซุนชินถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และซีรีส์ เช่น ซีรีส์เรื่อง “อีซุนชินผู้เป็นนิรันดร์” (불멸의 이순신) ความยาว 104 ตอน ฉายทางช่อง KBS ช่วงวันที่ 4 กันยายน ค.ศ.2004 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ.2005 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของการรุกรานเกาหลีจากญี่ปุ่น ซึ่งมีการสะท้อนชีวิตของแม่ทัพอีซุนชินด้วย รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง อีซุนชิน ขุนพลคลื่นคำราม “Roaring Currents” (명량) ที่เข้าฉายช่วงกลางปี ค.ศ.2014 มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น และถูกปราบโดยแม่ทัพอีซุนชิน ถือว่าเป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่ทำยอดขายตั๋วได้เกิน 10 ล้านใบภายในระยะเวลาเข้าฉายเพียง 12 วัน เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาน้อยที่สุดของวงการภาพยนตร์เกาหลีที่ทำยอดขายได้เกิน 10 ล้านใบ และกลายเป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่ทำรายได้ในประเทศมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

✅ถือว่าเป็นแม่ทัพเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศเกาหลี ด้วยความที่เป็นแม่ทัพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการออกรบกับกองทัพเรือญี่ปุ่นเลยซักครั้ง ทำให้เป็นที่ยกย่องเชิดชูจากชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่จะมีรูปปั้นของแม่ทัพอีซุนชินตั้งอยู่ในพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างจัตุรัสควางฮวามุน ใครมีโอกาสไปเกาหลีรอบหน้าลองแวะไปเยี่ยมชมรูปปั้นนี้ดูซักครั้งนะครับ..

Everyday KOREA

#이순신 #อีซุนชิน #YiSunShin #เกาหลี #KOREA