ทุกๆคนน่าจะทราบกันมาบ้างแล้วนะครับว่า ประเทศเกาหลีนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยด้านบนเป็นเกาหลีเหนือ และด้านล่างเป็นเกาหลีใต้ โดยเขตการแบ่งทั้งสองประเทศนั้นถูกแบ่งออกโดยเส้นขนานที่ 38 มาเป็นระยะเวลานานเกือบ 70 ปีแล้ว วันนี้จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับ DMZ Korean Demilitarized Zone หรือเขตปลอดทหารเกาหลี ให้มากขึ้นกันอีกซักหน่อยนะครับ
Korean Demilitarized Zone เขตปลอดทหารเกาหลี หรือเรียกแบบย่อๆว่า DMZ เป็นเขตแดนที่ลากผ่านคาบสมุทรเกาหลี โดยจัดตั้งขึ้นตามบทบัญญัติแห่งความตกลงในการสงบศึกเกาหลี เพื่อใช้เป็นเขตแดนกั้นระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ กับ สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ ในช่วงปี ค.ศ.1953 โดนเขตปลอดทหารเกาหลีนั้นได้แบ่งคาบสมุทรเกาหลีออกโดยมีความกว้าง 4 กิโลเมตร มีความยาวตลอดคาบสมุทรเกาหลีกว่า 250 กิโลเมตร โดย DMZ นั้นยังถือเป็นเขตการท่องเที่ยวพิเศษของประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย และแม้ว่า DMZ จะถือเป็นเขตปลอดทหารแล้วก็ตาม แต่ในช่วงพรมแดนด้านบนของ DMZ นั้นกลับเป็นพรมแดนที่ถือว่ามีกองกำลังทหารมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความที่ยังคงมีข้อพิพาททางทะเลตะวันตกของทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยบริเวณชายฝั่งทะเลและเกาะต่างๆของทั้งสองด้านยังคงมีการเสริมกำลังทหารกันอย่างต่อเนื่อง โดยในอดีตนั้นเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศถูกกำหนดขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกาหลีหลุดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1945 ทำให้สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้เข้ามาสนับสนุนเกาหลี และได้แบ่งเกาหลีออกเป็นสองส่วนโดยพฤตินัย ซึ่งได้กลายเป็นเขตแนวรบที่มีความตึงเครียดอย่างมากในช่วงเวลานั้น และก่อให้เกิดสงครามเกาหลีในปี ค.ศ.1950 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นกว่า 3 ล้านคน ส่งผลให้มีการทำข้อตกลงสงบศึกในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ.1953
ในข้อตกลงสงบศึกดังกล่าวนี้ ทำให้ที่นี่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ กำหนดให้ทหารของทั้งสองฝ่ายถอยห่างจากเส้นเขตแดนนี้ไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร และกำหนดเป็นเขตกันชนที่มีความกว้างรวม 4 กิโลเมตร มีความยาวตลอดคาบสมุทรเกาหลีเป็นเส้นแบ่งดินแดนรวม 250 กิโลเมตร จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้กลายเป็นการสร้างความเกลียดชังให้กับทั้งสองฝั่งอย่างแท้จริง โดยตลอดบริเวณดังกล่าว จะมีกองกำลังทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก คอยสอดส่องไม่ให้อีกฝ่ายรุกล้ำข้ามเขตแดนนั้นมาได้ โดยนับจนถึงวันนี้กินเวลามากว่า 68 ปีแล้ว โดยมีการปะทะกันบ้างในช่วงเขตแดนนี้เป็นระยะๆ ส่งผลให้มีทหารเกาหลีใต้เสียชีวิตกว่า 500 นาย ทหารอเมริกันเสียชีวิตกว่า 50 นาย และทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตกว่า 250 นาย ในช่วงปี ค.ศ.1953-1999
ภายในบริเวณใกล้ๆกับชายฝั่งตะวันตก เป็นที่ตั้งของ Joint Security Area (JSA) โดยแต่เดิมเป็นเพียงสถานที่สำหรับการเชื่อมต่อเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เท่านั้น ผ่านเส้นทางรถไฟสายทงเฮบุกบู แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ถูกยิงเสียชีวิต เส้นทางรถไฟนี้ก็ได้ปิดตัวลง โดยปัจจุบัน JSA เป็นที่ตั้งของอาคารที่ใช้สำหรับการนัดหมายทางการทูตของทั้งสองเกาหลี นอกจากนี้ยังใช้ในการประชุมร่วมกันของเกาหลีเหนือและกองบัญชาการสหประชาชาติอีกด้วย
โดย JSA นั้นเป็นพื้นที่รักษาความปลอดภัยร่วมของทั้งสองเกาหลี โดยมีพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร รูปร่างเป็นวงกลม ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนตามเส้นแบ่งเขตทางทหาร (MDL) ที่แบ่งแยกเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ออกจากกัน และสร้างพื้นที่นี้ไว้เป็นพื้นที่กลาง โดยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทั้งสองฝ่ายภายในเขตพื้นที่ของ JSA นี้ โดยในปี ค.ศ.2018 เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตกลงร่วมกันในการเคลียร์พื้นที่ JSA โดยนำอาวุธ ทุ่นระเบิด ออกทั้งหมด โดยปัจจุบันเหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองฝั่งฝั่งละ 35 นายที่ปราศจากอาวุธควบคุมดูแล และได้มีการตกลงรวมถึงของทั้งสองประเทศว่าพื้นที่นี้จะถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งถ้าเราต้องการไปเที่ยวบริเวณ JSA นี้ต้องจองผ่านบริษัททัวร์ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเกาหลีใต้เท่านั้น ไม่สามารถมาเที่ยวได้เองตามลำพัง
บริเวณ JSA นี้ยังเป็นที่ตั้งของ Bridge of No Return หรือสะพานไปไม่หวนกลับ (돌아올 수 없는 다리) เป็นสะพานแห่งหนึ่งที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนเชลยศึกหลังจากช่วงสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง ชื่อของสะพานนี้ก็มาจากการที่เมื่อนักโทษข้ามสะพานไปแล้วก็จะไม่มีวันหวนกลับมาอีกครั้ง โดยสะพานนี้ใช้ส่งเชลยศึกครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ.1968 เมื่อลูกเรือของกองทัพเรือสหรัฐจำนวน 83 คนถูกทหารเกาหลีเหนือจับตัวและกักขังนานกว่า 11 เดือน ก่อนที่จะปล่อยตัวส่งกลับเกาหลีใต้ผ่านสะพานนี้
ปัจจุบันพื้นที่บริเวณ JSA นี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีใต้และชาวต่างชาติ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 100,000 คนมาเที่ยวในบริเวณนี้ผ่านบริษัทท่องเที่ยวหลายๆแห่ง โดยเหตุการณ์สำคัญในบริเวณนี้พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนัก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ.2019 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่เดินข้ามเส้นแบ่งเขตแดนเข้าไปยังเกาหลีเหนือในบริเวณ JSA นี้ หลังจากการพบปะกับคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ รวมถึงก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.2018 มีการประชุมระหว่างสองเกาหลีเกิดขึ้น และคิมจองอึน ได้จับมือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้มุนแจอิน และเดินข้ามเส้น MDL เข้ามายังดินแดนเกาหลีใต้ โดยนับเป็นครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือที่ข้ามมายังฝั่งใต้หลังจากสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง ..
Everyday KOREA
